ขอตอบคำถามข้อที่1

1.สามารถเเสดงภาพของระบบที่ใกล้เคียงได้มากที่สุด ซึ่งทำให้เกิดความเข้าใจได้ง่ายยิ่งขึ้น

2. เป็นภาษาที่มีรูปเเบบเเผนมาตราฐานแน่นอนจึงสามารถอ่านหรือทำความเข้าใจได้เกี่ยวกับภาษาได้ง่าย

3. สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาระบบต่างๆได้ทั้งกระบวนการทำงาน

ตอบคำถามข้อที่2

3ขั้นตอน

1.Object Oriented Analysis (OOA)

2.Object Oriented Design (OOD) 

3.Object Oriented Programming (OOP) 

เฉลยคำถามที่ 4

Object Oriented Software Engineering คืออะไร มีหน้าที่อย่างไร

เฉลย

การพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์นั ้น รวมถึงการวิเคราะห์ ออกแบบ พัฒนาโปรแกรม ทดสอบ และ น าไปใช้ เรียกพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ด้วยหลักการ Object Orientation ว่า “Object-oriented Software Engineering (OOSE)”

Object Oriented Analysis (OOA) เป็ นขั ้นตอนการวิเคราะห์เพื่อให้ทราบว่า Problem Domain คืออะไร

Object Oriented Design (OOD) เป็ นขั ้นตอนการออกแบบหรือจ าลองวิธีการเพื่อแก้ปัญหา Problem Domain

Object Oriented Programming (OOP) เป็ นขั ้นตอนการสร้างหนทางแก้ปัญหาในรายละเอียดให้ เกิดขึ ้นและใช้งานจริง 18

สามารถสรุปองค์ประกอบของ OOSE เป็ นประโยคสัญลักษณ์ได้ ดังนี ้

OOSE = OOA + OOD + OOP

OOSE = OOAD + OOP 

ตอบคำถามขอที่ 4

Object Oriented Software Engineering

การพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์นั ้น รวมถึงการวิเคราะห์ ออกแบบ พัฒนาโปรแกรม ทดสอบ และ

น าไปใช้ เรียกพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ด้วยหลักการ Object Orientation ว่า “Object-oriented

Software Engineering (OOSE)

คำถามที่ 4

Object Oriented Software Engineering คืออะไร มีหน้าที่อย่างไร

ตอบคำถามข้อที่ 3

Relationship กับInteraction แตกต่างกันอย่างไร จงอธิบาย

ตอบ

Relationship คือ   ความเกี่ยวข้องกัน หรือความสัมพันธ์ระหว่าง Objects 2 ตัว  ขึ้นไป เช่น ความเป็นแม่-ลูก ความเป็นเจ้าของการมีอยู่ เป็นต้น

Interaction คือ   ปฏิสัมพันธ์ หรือการกระทำใดๆ ที่เกิดขึ้นระหว่าง Objects 2 ตัว  ขึ้นไป เช่น การสร้าง การเปลี่ยนแปลง การเล่น การกระตุ้น เป็นต้น   ซึ่ง Interaction นี้เองที่ทำให้เกิด กิจกรรม (Activities)ต่างๆ ใน  โลกนี้

ตอบคำถามที่3

Relationship คือ   ความเกี่ยวข้องกัน หรือความสัมพันธ์ระหว่าง Objects 2 ตัว  ขึ้นไป เช่น ความเป็นแม่-ลูก ความเป็นเจ้าของการมีอยู่ เป็นต้น

Interaction คือ   ปฏิสัมพันธ์ หรือการกระทำใดๆ ที่เกิดขึ้นระหว่าง Objects 2 ตัว  ขึ้นไป เช่น การสร้าง การเปลี่ยนแปลง การเล่น การกระตุ้น เป็นต้น   ซึ่ง Interaction นี้เองที่ทำให้เกิด กิจกรรม (Activities)ต่างๆ ใน  โลกนี้

เฉลบคำถามข้อที่3
แตกต่างกันที่ Relationship จะเป็นความสัมพันธ์ เช่นพ่อแม่ลูก
ส่วนInteraction จะเป็นการปฏิสัมพันธ์หรือการกระทำ กิจกรรมต่างๆ

เฉลบคำถามข้อที่2

1. Object-Oriented Analysis (OOA) เป็นขั้นตอนการวิเคราะห์ เพื่อให้ทราบว่า Problem Domain คืออะไร และเพื่อทำความเข้าใจในรายละเอียดของปัญหาเหล่านั้น เป็นการหาคำตอบให้กับคำถามที่ว่า “What is the Problem to be Solved?”

2. Object-Oriented Design (OOD) เป็นขั้นตอนการออกแบบหรือจำลอง (Model) วิธีการเพื่อแก้ปัญหาใน Problem Domain ซึ่งเป็นการหาคำตอบให้กับคำถามที่ว่า “How to Solve the Problem?”

3. Object-Oriented Implementation หรือ Object-Oriented Programming (OOP) เป็นขั้นตอนการสร้างหนทางแก้ปัญหาในรายละเอียดให้เกิดขึ้นและใช้งานได้จริง เป็นการตอบคำถามที่ว่า “How to Implement the Solution?”

ตอบคำถามข้อที่3

Relationship คือ   ความเกี่ยวข้องกัน หรือความสัมพันธ์ระหว่าง Objects 2 ตัว  ขึ้นไป เช่น ความเป็นแม่-ลูก ความเป็นเจ้าของการมีอยู่ เป็นต้น

Interaction คือ   ปฏิสัมพันธ์ หรือการกระทำใดๆ ที่เกิดขึ้นระหว่าง Objects 2 ตัว  ขึ้นไป เช่น การสร้าง การเปลี่ยนแปลง การเล่น การกระตุ้น เป็นต้น   ซึ่ง Interaction นี้เองที่ทำให้เกิด กิจกรรม (Activities)ต่างๆ ใน  โลกนี้

เฉลยคำถามข้อที่ 1    สามารถสะท้อนภาพของระบบได้ใกล้เคียงมากที่สุด จึงทำให้เข้าใจง่าย และเป็นภาษาที่มีแบบแผนแน่นอน จึงสามารถอ่านและทำความเข้าใจได้ในทิศทางเดียวกัน และยังสามารถใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาระบบได้ทั้งกระบวนการ

#ตอบคำถามข้อที่ 3

     ข้อแตกต่าง คือ  Relationship จะอธิบายในเรื่องความสัมพันธ์ในแบบการเป็นเจ้าของ,ความเป็นเจ้าของ เช่น มีมี้เลี้ยงแมวชื่อกะทิ ความสัมพันธ์แบบเป็นเจ้าของ คือ เจ้านาย-สัตว์เลี้ยง ส่วน Interaction จะอธิบายในเรื่องปฎิสัมพัทธ์ เช่น การที่วัตถุหนึ่ง กระทำกับอีกวัตถุหนึ่ง

ตอบคำถามข้อที่ 3
> ความแตกต่างกันระหว่างวัตถุ 2 อย่าง
   - Relationship ก็จะอธิบายในเรื่องความสัมพันธ์ในแบบการเป็นเจ้าของ,ความเป็นเจ้าของ เช่น นีโอเลี้ยงสุนัขชื่อกาลิค ความสัมพันธ์แบบเป็นเจ้าของ คือ เจ้านาย-สัตว์เลี้ยง

   - Interaction จะอธิบายในเรื่องปฎิสัมพัทธ์ เช่น การที่วัตถุหนึ่ง กระทำกับอีกวัตถุหนึ่ง

ตอบคำถามข้อที่ 2 

มีทั้งหมด 3 ขั้นตอน

1.Object Oriented Analysis (OOA) เป็นขั้นตอนการวิเคราะห์เพื่อให้ทราบว่า Problem Domain คืออะไร•
2.Object Oriented Design (OOD) เป็นขั้นตอนการออกแบบหรือจาลองวิธีการเพื่อแก้ปัญหา Problem Domain•
3.Object Oriented Programming (OOP) เป็นขั้นตอนการสร้างหนทางแก้ปัญหาในรายละเอียดให้เกิดขึ้นและใช้งานจริง 

คำถามข้อที่ 3  Relationship กับInteraction แตกต่างกันอย่างไร จงอธิบาย

คำถามข้อที่ 3  Relationship กับInteraction แตกต่างกันอย่างไร จงอธิบาย

ตอบคำถามข้อที่ 1

1.ไม่ผูกติดกับภาษาโปรแกรมภาษาใดภาษาหนึ่ง

2.เป็นภาษารูปภาพมาตราฐานหรือภาษาสากลที่ใช้ในการพัฒนาซอฟต์แวร์เชิงวัตถุ

3.เป็นภาษาที่ง่ายต้องการทำความเข้าใจ

4.แปลงเป็นภาษาที่ใช้สร้างระบบได้อย่างอัตโนมัติ

5.เป็นเอกสารที่พร้อมนำไปปรับปรุงแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว

คำตอบข้อ 1

ช่วยให้เข้าใจในปัญหาได้ง่ายขึ้น     อีกทั้งยังสามารถนำแบบจำลองมาเป็นเครื่องมือในการสื่อสารถ่ายทอดความคิดกับบุคคลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องในโครงการได้ เช่น  ลูกค้า   นักวิเคราะห์ระบบ นักออกแบบระบบ  เป็นต้น

ตอบคำถามข้อ 2

Object Oriented Analysis (OOA) เป็นขั้นตอนการวิเคราะห์เพื่อให้ทราบว่า Problem Domainและเพื่อทำความเข้าใจในรายละเอียดของปัญหาเหล่านั้น 

Object Oriented Design (OOD) เป็นขั้นตอนการออกแบบจำลอง(Model) เพื่อเป็น Solution ให้กับ Problem Domain ที่วิเคราะห์ไว้แล้ว

Object Oriented Programming (OOP)  เป็นขั้นตอนของการเขียนโปรแกรมไว้ใช้งานจริงจากที่ได้ Analysis และ Design ไว้แล้ว 

ตอบคำถามข้อที่2

1.Object Oriented Analysis (OOA) เป็นขั้นตอนการวิเคราะห์เพื่อให้ทราบว่า Problem Domain คืออะไร

2.Object Oriented Design (OOD) เป็นขั้นตอนการออกแบบหรือจำลองวิธีการเพื่อแก้ปัญหา Problem Domain

3.Object Oriented Programming (OOP) เป็นขั้นตอนการสร้างหนทางแก้ปัญหาในรายละเอียดให้ เกิดขึ้นและใช้งานจริง

ตอบคำถามข้อที่1

1.สามารถสะท้อนภาพของระบบได้ใกล้เคียงมากที่สุด จึงทำให้เข้าใจง่าย

2. เป็นภาษาที่มีแบบแผนแน่นอนจึงสามารถอ่านและทำความเข้าใจได้ในทิศทางเดียวกัน

3. สามารถใช้เป็นเครื่องมือในการพัฒนาระบบได้ทั้งกระบวนการ 

ตอบคำถามข้อที่ 1

1. วงจรการพัฒนาที่สั้นที่สุด (Shortest Development life cycle) 

2. เพิ่มผลผลิต (Increase productivity) 

3. ปรับปรุงคุณภาพซอฟต์แวร์ (Improve software quality) 

4. สนับสนุนระบบสืบทอดมรดก (Support legacy system) 

5. ปรับปรุงการเชื่อมต่อทีมงาน (Improve team connectivity)

คำถามที่ 2 Object Oriented Software Engineering มีกี่ขั้นตอน และคือขั้นตอนอะไรบ้าง

คำถามข้อที่ 1 Unified Modeling Language (UML) มีประโยชน์อย่างไรบ้าง จงอธิบาย

Unified Modeling Language (UML) มีประโยชน์อย่างไรบ้าง จงอธิบาย